ในรีวิวของ Amara Clinic วันนี้ หมออยากพาทุกคนมาชมเคสคนไข้ ‘คุณพลอย’ สาวออฟฟิศที่เข้ารับการรักษาบำบัดโรคสุดฮิต ‘ออฟฟิศซินโดรม’ หรือโรคปวดเมื่อย เจ็บกล้ามเนื้อ ที่เกิดจากการทำงาน ซึ่งเป็นอาการที่เกิดได้ทั้งกรณีเฉียบพลันและเรื้อรัง จนทำให้คุณพลอยมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ปวดหลังออฟฟิศซินโดรม ชนิดเรื้อรังนานเป็นปี จึงส่งผลให้การทำงานติดขัด ไม่ค่อยมีความสุขในการทำงาน ใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบาก
สำหรับการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่หมอแนะนำกับคุณพลอยในวันนี้ เป็นหนึ่งเทคโนโลยีตัวใหม่ล่าสุด! นั่นก็คือ ‘TESLA Former’ ที่ทางคลินิกได้นำเข้ามาใช้ในเรื่องรักษาออฟฟิศซินโดรม กายภาพบำบัดด้วยเครื่อง TESLA Former เพียง 30 นาที ซึ่งรายละเอียดเคสคุณพลอยจะเป็นอย่างไร และการรักษาด้วย TESLA Former รีวิวผลลัพธ์หลังบำบัดออกมาจะได้ผลจริงไหม เราไปติดตามพร้อม ๆ กันค่ะ
ก่อนจะไปดู TESLA Former รีวิวเคสของคุณพลอย เดี๋ยวเรามาทำความรู้จักกับโรคออฟฟิศซินโดรมกันก่อนค่ะ สำหรับออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ตามชื่อเลยค่ะ ว่าเป็นอาการของโรคที่เกิดจากการทำงานในออฟฟิศ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดตามสภาพสังคม การทำงาน ที่ต้องนั่งอยู่กับที่เป็นระยะเวลานาน ๆ อยู่ในอิริยาบทเดิม ๆ ซ้ำ ๆ โดยที่ไม่ค่อยได้ลุกเดิน ไม่ค่อยได้เปลี่ยนท่าทาง ยิ่งเป็นอาชีพหรือลักษณะการทำงานที่อยู่ในท่าเดิม ๆ ก็ยิ่งทำให้มีอาการของออฟฟิศซินโดรมได้มากขึ้น เช่น คนที่ทำงานอาชีพกราฟฟิค แต่งรูป ที่ต้องใช้เมาส์หรือเมาส์ปากกาวาดงาน มักจะมีปัญหาเรื่องปวดข้อมือ ปวดข้อนิ้ว บางรายรุนแรงถึงขั้นกล้ามเนื้ออักเสบ เกิดพังผืด หรือเป็นนิ้วล็อคเลยก็มีค่ะ
อาการออฟฟิศซินโดรม ยังเกิดจากพฤติกรรมที่มีลักษณะท่าทางในการทำงานที่ไม่ถูกต้องเป็นระยะเวลานาน ๆ เช่น นั่งหลังงอ หลังค่อม หรือนั่งขัดสมาธิ นั่งยกขาขึ้นบนเก้าอี้ จนส่งผลทำให้เกิดอาการ ปวดคอ บ่า ไหล่ และปวดเมื่อยตามลำตัวตามมา รวมไปถึงอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยจากการทำงานเป็นระยะเวลานาน ไม่ค่อยได้พัก เช่น ตาพร่ามัว ปวดกระบอกตา ปวดหัว เหนื่อยล้า ฯลฯ
สาเหตุของออฟฟิศซินโดรม
- ท่าทางในการทำงาน เช่น การนั่งหลังงอ หลังค่อม นั่งท่าเดิมนาน ๆ ไม่ค่อยได้ลุกเดิน รวมถึงการวางตำแหน่งมือ หรือข้อศอก บนโต๊ะทำงานที่ไม่ถูกต้อง
- สภาพแวดล้อมและอุปกรณ์ในการทำงานไม่เหมาะสม เช่น นั่งเก้าอี้ที่อยู่ต่ำหรือสูงกว่าโต๊ะทำงานมากเกินไป
- นั่งจ้องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนนาน ๆ ทำให้ปวดหัว ปวดกระบอกตา
- สภาพร่างกายของคนไข้ เช่น เกิดอาการบาดเจ็บซ้ำ ๆ ที่ข้อมือ และใช้เวลาในการทำงานมากจนเกินไป ซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบ หรือเป็นพังผืดเส้นประสาทบริเวณข้อมือได้
อาการออฟฟิศซินโดรม
- ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากนั่งหลังค่อม นั่งห่อไหล่ นั่งตัวงอ เป็นเวลานาน ๆ
- ปวดกระบอกตา บางครั้งมีอาการตาพร่า เกิดจากจ้องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนนาน ๆ
- ปวดมือ มือชา เกิดจากการใช้เมาส์หรือพิมพ์งานนาน ๆ
- ปวดเอว ปวดหลัง เกิดจากนั่งท่าเดิม ๆ ไม่ค่อยได้ลุกเดิน หรือนั่งหลังค่อมนาน ๆ
- ปวดขา ปวดเข่า เกิดจากการนั่งเก้าอี้สูงเกินไป ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เหมาะสมกับโต๊ะทำงาน
- หากมีอาการรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการที่เกิดจากระบบประสาทและเส้นประสาท เช่น มึนงง, ปวดหัวไมเกรน, รู้สึกวูบ, มีเหงื่อออกทั้งที่อากาศไม่ร้อน, หูอื้อ, ปวดข้อมือ, มือชา หรืออาจเป็นนิ้วล็อค
เกร็ดความรู้ ‘ปัสสาวะเล็ด’ อีกหนึ่งโรคคู่กายชาวออฟฟิศ
นอกจากเรื่องของอาการปวดเมื่อย เนื่องจากโรคออฟฟิศซินโดรมแล้ว สาว ๆ ที่ทำงานออฟฟิศยังเสี่ยงที่จะเป็นโรคปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้อีกด้วย มีสาเหตุมาจากชอบกลั้นปัสสาวะ จนทำให้หูรูดกระเพาะปัสสาวะผิดปกติ หลายคนพบว่ามีอาการไอ-จาม-หัวเราะ หรือแม้กระทั่งการออกแรงยกของหนัก ๆ การออกกำลังกาย ที่ต้องออกแรงเบ่ง แล้วมีน้ำปัสสาวะเล็ดรอดออกมาโดยไม่ตั้งใจ แต่ภาวะปัสสาวะเล็ดสามารถรักษาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนะคะ
ติดตามอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ พร้อมวิธีแก้ไขอาการปัสสาวะเล็ดที่ >> ปัสสาวะเล็ด
อาชีพของคุณพลอย ส่งผลต่อออฟฟิศซินโดรม
ก่อนจะทำการรักษาออฟฟิศซินโดรม หมอต้องมีการพูดคุย ซักถามประวัติ ทั้งโรคประจำตัว, เคยผ่าตัดมาก่อนไหม, เคยรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยวิธีไหนมาก่อน, อาชีพที่ทำ, ลักษณะท่าทางในการทำงาน จากการพูดคุยกับคุณพลอย หมอก็ได้ความว่า คุณพลอยมีอาชีพเป็นช่างภาพ และต้องนั่งทำงานในออฟฟิศเพื่อตกแต่งรูปภาพที่ถ่ายได้ ด้วยวิธีการทำงานที่ต้องแบกน้ำหนักกล้องหลายกิโลกรัมติตต่อกันนานทุกวัน และยังต้องนั่งจับเมาส์แต่งรูปตลอดทั้งวัน ทำให้เริ่มมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ชนิดเรื้อรังมานานเป็นปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเข้าไปนวดตามสปาบ้าง เพื่อความผ่อนคลายและบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม แต่ก็ยังไม่ค่อยเห็นผลค่ะ
คุณพลอยกับอาการออฟฟิศซินโดรม
- ต้องถือกล้องน้ำหนักมากทั้งวัน บางครั้งถ่ายรูปนอกสถานที่ ต้องสะพายกระเป๋ากล้องถ่ายรูปเป็นประจำ
- ต้องแต่งรูปหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ใช้มือคลิกเมาส์นาน ๆ
- ไม่ค่อยลุกเดิน ไม่ค่อยบริหารร่างกายระหว่างวัน
- มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แบบเรื้อรัง นานเป็นปี
- เคยเข้าสปานวด แต่อาการปวดคอ บ่า ไหล่ยังไม่หาย
แนวทางรักษาออฟฟิศซินโดรม เคสคุณพลอย
จากอาการปวดคอ บ่า ไหล่ แบบเรื้อรัง คุณพลอยได้ตัดสินใจเข้ามาปรึกษาหมอ เรื่องการรักษาออฟฟิศซินโดรม ด้วยเครื่อง TESLA Former หมอจึงให้คำแนะนำรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องนี้ว่า TESLA Former เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นและช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยเครื่องนี้มีโหมดรักษาออฟฟิศซินโดรม กายภาพบำบัด ซึ่งช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยจากโรคออฟฟิศซินโดรมอย่างตรงจุด
หมอประเมินแล้วว่า อาการปวดคอ บ่า ไหล่ ในกรณีของคุณพลอยเป็นในระยะที่ไม่รุนแรงมากนัก เหมาะกับการรักษาด้วย TESLA Former โดยหลังการรักษาออฟฟิศซินโดรม คนไข้จะสามารถรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในครั้งแรกเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ หมอแนะนำให้เข้ามารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 8-10 ครั้งขึ้นไป เพื่อผลการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ
นอกจากการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วย TESLA Former แล้ว หมอเองก็ได้แนะนำให้คุณพลอยได้ปรับเปลี่ยนลักษณะท่าทางในการทำงานควบคู่กันไปด้วยค่ะ เช่น ระหว่างวันได้มีการเปลี่ยนท่านั่งบ้างไหม ถ้าชอบนั่งหลังค่อม ก็ต้องเปลี่ยนท่านั่งให้หลังตรง หาเวลาว่างออกกำลังกายหลังเลิกงาน อย่างน้อย 30-45 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน นอกจากนี้ก็ต้องปรับเก้าอี้ให้มีระดับความสูงเหมาะสมกับโต๊ะทำงาน เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย หลีกเลี่ยงการเกิดออฟฟิศซินโดรมได้ในระยะยาวค่ะ
TESLA Former รักษาออฟฟิศซินโดรม ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
- กระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ด้วยโหมด ‘ออฟฟิศซินโดรม กายภาพบำบัด’
- นั่งหรือนอนทำแบบสบาย ๆ ใช้เวลาเพียง 30 นาที
- ไม่ต้องถอดเสื้อผ้า ไม่มีการใส่อุปกรณ์ใด ๆ เข้าไปในร่างกาย
- คนไข้จะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อถูกกระตุ้นเป็นจังหวะ อย่างต่อเนื่องอัตโนมัติ
- ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่เจ็บ รู้สึกถึงความผ่อนคลาย
- เห็นผลการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนไข้ในแต่ละคน)
นอกจากนี้ TESLA Former ยังมีฟังก์ชั่น ‘เก้าอี้กระชับรัก’ หรือ TESLA Former Chair ช่วยกระชับน้องสาวให้กลับมาฟิตได้อีกครั้ง อ่านเพิ่มเติมได้ที่ >> วิธีกระชับช่องคลอดแบบเร่งด่วน
TESLA Former รีวิว ผลลัพธ์หลังรักษาออฟฟิศซินโดรม
หลายคนคงอยากดู TESLA Former รีวิวหลังทำจากคุณพลอยกันแล้วนะคะ เดี๋ยวเราไปดูภาพรีวิวขณะทำ TESLA Former พร้อมกับบทสัมภาษณ์ของคุณพลอยถึงความรู้สึกที่ได้ทำการรักษาออฟฟิศซินโดรม เพื่อบำบัดอาการปวดคอ บ่า ไหล่ กันค่ะ
รักษาออฟฟิศซินโดรมด้วย TESLA Former เจ็บไหม?
“ตอนแรกก็มีกลัว ๆ นะคะ (555) เพราะพลอยไม่เคยรักษาด้วยเครื่องอะไรแบบนี้มาก่อนเลย แต่พอมาทำ มันไม่ได้มีความเจ็บเลย แต่เป็นฟีลผ่อนคลายมากกว่าค่ะ เหมือนมีคนมานวด ๆ ยิ่งถ้าใครเป็นคนชอบนวดเหมือนพลอย จะรู้เลยว่า ฟินมาก ๆ เครื่อง TESLA Former ที่คุณหมอใช้จะเป็นโหมดที่รักษาออฟฟิศซินโดรม กายภาพบำบัด มันจะรู้สึกสบาย ๆ ระหว่างที่ทำไม่เจ็บ ทำแบบสบาย ๆ ชิว ๆ คอนเฟิร์มเลยค่ะ”
ผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างไรบ้าง?
“พลอยว่า ทำครั้งแรกก็รู้สึกได้เลยว่ามันผ่อนคลายค่ะ กลับบ้านไปมีปวด ๆ ตึง ๆ เล็กน้อย คิดว่าน่าจะเป็นเพราะการทำงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในตัวเครื่อง พอได้ลองทำหลายครั้งตามที่คุณหมอมะปรางแนะนำ รู้สึกได้เลยว่าอาการปวดคอ บ่า ไหล่ มันบรรเทาลงเยอะมาก บางวันไม่ปวดเลย บวกกับพลอยดูแลตัวเอง ปรับท่านั่งทำงาน ออกกำลังกาย เลยทำให้ผลลัพธ์มันออกมาดีมาก ๆ เลยค่ะ สำหรับตัวเองคิดว่า การรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วย TESLA Former ได้ผลที่ดี กลับไปทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว แฮปปี้กับการทำงานในแต่ละวันมากขึ้น โดยไม่ต้องทรมานกับอาการปวดคอ บ่า ไหล่ที่เคยเป็นอีกแล้วค่ะ”
ความประทับใจที่มีต่อ TESLA Former
“พลอยรู้สึกว่าการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วย TESLA Former เป็นทางเลือกที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ เพราะช่วยบรรเทาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ที่พลอยเป็นอยู่นานหลายปีได้อย่างน่าประทับใจ ยิ่งถ้าเราได้ทำอย่างต่อเนื่องและปรับเปลี่ยนท่าทางในการทำงานควบคู่ไปด้วยตามคำแนะนำของคุณหมอ ก็ยิ่งช่วยส่งเสริมการรักษาได้เป็นอย่างดี ทำครั้งแรกก็รู้สึกได้เลยว่ากล้ามเนื้อถูกกระตุ้นอย่างตรงจุด พลอยอยากแนะนำเพื่อน ๆ ที่กำลังมีอาการออฟฟิศซินโดรมเหมือนพลอย ให้ลองเข้ามาปรึกษาคุณหมอดูนะคะ คุณหมอมะปรางน่ารักเป็นกันเองมาก ให้ข้อมูลอย่างละเอียด รับรองได้ค่ะว่าผลลัพธ์มันคุ้มค่ามาก ทำแล้วช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างแฮปปี้ขึ้นแน่นอนค่ะ”
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับ TESLA Former รีวิวจากสาวออฟฟิศเคสจริง ‘คุณพลอย’ หมอหวังว่าเคสตัวอย่างในวันนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดี ในการตัดสินใจเข้ารับการรักษาออฟฟิศซินโดรมของหลาย ๆ คน สำหรับใครที่กำลังรู้สึกว่าอาการปวดเมื่อยจากภาวะออฟฟิศซินโดรมที่เป็นอยู่ เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตและการทำงาน หมออยากแนะนำให้ลองเข้ามาพูดคุยปรึกษา และเข้ารับการรักษากันก่อนที่อาการจะลุกลามรุนแรงค่ะ เพื่อการใช้ชีวิตในการทำงานได้อย่างไม่มีสะดุดเหมือนกับคุณพลอยกันนะคะ
ปรึกษาแพทย์ ฟรี!
ลงทะเบียนปรึกษา คลิกที่นี่
ติดต่อสาขารัชโยธิน : 062-946-2397
ติดต่อสาขาราชพฤกษ์ : 062-556-6623
ติดต่อทาง LINE : @amaraclinic
กดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย >> https://line.me/R/ti/p/@amaraclinic
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมัน
พญ.กรพร สถิตวิทยานันท์ (หมอมะปราง)
อาจารย์แพทย์ด้านการดูดไขมัน body-jet
ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม และโภชนาการ