เครื่องดูดไขมัน MicroAire PAL ตัวช่วยปั้นหุ่นเป๊ะ ด้วยพลังงานกล

เครื่องดูดไขมันมีหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ หลายคนอาจสงสัยว่า แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร? เครื่องดูดไขมัน PAL หรือ MicroAire PAL ต่างจากเครื่องอื่น ๆ อย่างไร? เครื่องดูดไขมันแบบไหนดีที่สุด? ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องดูดไขมันแต่ละชนิด แต่ละพลังงาน ต่างก็มีทั้งคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่แตกต่างกันไป รวมถึงในคนไข้แต่ละเคส หรือในแต่ละตำแหน่งที่ดูดไขมันก็อาจไม่ได้เหมาะกับการใช้เครื่องดูดไขมันเพียงชนิดเดียวเสมอไปครับ

โดยหลัก ๆ แล้ว เครื่องดูดไขมันจะถูกแบ่งออกเป็นพลังงานที่แตกต่างกัน ซึ่งมีทั้งพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์, พลังงานน้ำ, พลังงานคลื่นความถี่วิทยุ และพลังงานกล เดี๋ยวเรามาดูกันว่า เครื่องดูดไขมันแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันอย่างไร และเหมาะกับใครบ้างครับ

เครื่องดูดไขมันคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์

ถ้าจะพูดถึงเครื่องดูดไขมันตระกูลพลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ตอนนี้ Amara Clinic เรามีอยู่ด้วยกัน 2 อย่างครับ นั่นก็คือ Ultra Z และ Vaser Smooth 2.2 ซึ่งหลักการของทั้ง 2 เครื่องนี้ จะอาศัยคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ในการสร้างความร้อน ไปทำให้เซลล์ไขมันแตกตัวเหลวและกลายเป็นน้ำมัน หลังจากนั้น แพทย์จะทำการดูดไขมันออกมา โดยความแตกต่างของ 2 เครื่องนี้คือ Vaser Smooth 2.2 เป็นเครื่องเวเซอร์รุ่นที่ถูกพัฒนาให้มีพลังงานความร้อนที่สูงกว่าเครื่องทั่วไป จึงเหมาะกับการดูดไขมันในเคสคนตัวใหญ่ หรือในกรณีที่ดูดไขมันผู้ชาย หรือแม้แต่ในรายที่เคยดูดไขมันมาก่อน จนเกิดพังผืดเกาะตัวเยอะครับ ส่วนเครื่อง Ultra Z ตัวนี้จะมีการสร้างความร้อนที่น้อยกว่าเครื่องเวเซอร์ จึงเหมาะกับการนำมาใช้ดูดไขมันเคสคนตัวเล็กมากกว่าครับ

• Ultra Z : เหมาะกับคนที่ตัวเล็ก มีชั้นไขมันบาง 
• Vaser Smooth 2.2 : เหมาะกับคนตัวใหญ่ พลัสไซซ์ หรือตั้งแต่ไซซ์ L ขึ้นไป มีชั้นไขมันหนา พังผืดเยอะ หรือดูดไขมันผู้ชาย ช่วยจัดการปัญหาเซลลูไลท์ได้เล็กน้อย

เครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ

สำหรับเครื่องดูดไขมันชนิดต่อมา คือ Body-jet ซึ่งเป็นเครื่องดูดไขมันพลังงานน้ำ ซึ่งเป็นชนิดที่มีความอ่อนโยนต่อทั้งเนื้อเยื่อข้างเคียง และเซลล์ไขมัน ซึ่งหมายความว่า หลังทำคนไข้จะมีอาการเจ็บน้อยมากและยังสามารถนำไขมันมาเติมต่อได้ครับ เนื่องจากแรงดันของน้ำ (ประกอบด้วยยาชาและยาที่ช่วยให้เส้นเลือดหดตัว) จะไปช่วยทำให้เซลล์ไขมันที่เกาะตัวกันเป็นกระจุกแตกตัวออกมา ซึ่งเซลล์ไขมันที่ได้จากการดูดไขมันด้วยเครื่อง Body-jet จะมีคุณภาพสูง ไม่โดนทำลายให้ตาย เพราะไม่ใช้ความร้อนใด ๆ เราจึงสามารถนำไขมันมาเติมไขมันได้ต่อ เช่น ฉีดไขมันหน้าเด็ก, ฉีดไขมันหน้าอก, ฉีดไขมันหลังมือ, ฉีดไขมันสะโพก หรือฉีดไขมันเติมเต็มน้องสาวครับ

• Body-jet : เหมาะกับคนที่อยากดูดไขมันแต่กลัวเจ็บ ไม่อยากพักฟื้นนาน หรือในคนที่อยากดูดไขมันลดสัดส่วน พร้อมกับการฉีดไขมันด้วย

เครื่องดูดไขมันพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ

ชนิดของเครื่องดูดไขมันต่อมา คือ เครื่องดูดไขมันที่เป็นพลังงานคลื่นความถี่วิทยุ (RF : Radio frequency) หรือหลายคนอาจคุ้นหูกันในชื่อของ “เครื่องดูดไขมันกระชับผิว” ซึ่งมีหลักการทำงานเป็นการใช้ท่อดูดไขมันชนิดธรรมดาทำการดูดไขมัน หลังจากนั้น คลื่น RF จะเข้าไปทำการหดกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อยให้ตึงกระชับ โดยจะเห็นผลว่าสัดส่วนเล็กลงในเวลา 1-2 สัปดาห์ และเห็นผลในแง่ของผิวยกกระชับใน 3-6 เดือน

ในปัจจุบันที่ Amara Clinic เราได้นำเครื่องกระชับผิวพร้อมสลายไขมันด้วยพลังงานคลื่น RF ตระกูลดังอย่าง BodyTite ที่ตอนนี้ได้ถูกพัฒนามาเป็นรุ่น BodyTite Pro, FaceTite และ ACCUtite ซึ่งมีประสิทธิภาพจากรุ่นก่อนมากขึ้นครับ สำหรับความแตกกต่างของตัว BodyTite ทั้ง 3 ตัวนี้จะอยู่ที่หัวอุปกรณ์และจุดประสงค์การใช้งานครับ ซึ่งแบบ BodyTite จะเป็นเข็มใหญ่สุด เหมาะสำหรับสลายไขมันและกระชับผิวลำตัว เช่น บริเวณหน้าท้อง, ต้นขาด้านใน และบริเวณก้นครับ ส่วน FaceTite จะเป็นหัวขนาดกลาง ที่เหมาะสำหรับยกกระชับผิวบริเวณใบหน้า เช่น ร่องแก้มและเหนียงใต้คาง และ ACUUtite จะมีหัวอุปกรณ์เล็กที่สุด (เท่าเข็มฉีดฟิลเลอร์) จึงเหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก ๆ ทั้งที่ใบหน้าและลำตัว เช่น คิ้ว, เหนียง, ใต้ตา, ร่องแก้ม หรือนมน้อยครับ แต่ทั้งนี้ ในรายที่มีไขมันส่วนเกินค่อนข้างเยอะ แพทย์สามารถใช้เทคนิคดูดไขมันเข้ามาเสริมได้ครับ

• BodyTite : เหมาะกับคนที่มีผิวบริเวณลำตัวหย่อนคล้อย และมีไขมันส่วนเกิน ในระดับเล็กน้อย ไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่
• FaceTite : เหมาะกับคนที่มีผิวบริเวณใบหน้าหย่อนคล้อย และมีไขมันส่วนเกิน ในระดับเล็กน้อย ไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่
• ACCUtite : เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อย และมีไขมันส่วนเกินตามพื้นที่เล็ก ๆ ทั้งที่บริเวณใบหน้าและลำตัว ไม่ต้องการผ่าตัดใหญ่ และไม่มีเวลาพักฟื้น (หลังทำแทบไม่ต้องพักฟื้น)

BodyTite

FaceTite

ACCUtite