รีวิวปรับหุ่นเป๊ะ สำหรับเคสผอมแต่มีพุง

สิ่งที่สาว ๆ ตัวเล็กมักจะเจอเป็นประจำก็คือปัญหา “ผอมแต่มีพุง” นั่นเองครับ เพราะว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนสักที แถมชอบกินของหวานมาก ดูเผิน ๆ แล้วยังผอมเพรียวอยู่ แต่พอใส่เสื้อรัดรูปหรือเสื้อครอปครึ่งตัวเท่านั้นแหละครับ จะเห็นได้ว่ามีหน้าท้องยื่นออกมาเล็กน้อยบริเวณหน้าท้องล่าง สาว ๆ บางคนอาจจะเลือกอำพรางโดยการสวมกางเกงเอวสูงบังพุง แต่สำหรับสาว ๆ ที่ต้องการอวดหน้าท้องสวย ๆ ถ่ายรูปลง IG แซ่บ ๆ ต้องมาลองดูรีวิวเคสดูดไขมันลำปางที่เป็นคนผอมแต่มีพุงเคสนี้เลยครับ – หมอไอซ์ Amara Clinic

ผอมแต่มีพุง (Skinny Fat) เป็นลักษณะของคนตัวเล็ก ๆ รูปร่างบาง ผอมมากเพรียวมาก แต่ดันมีพุงยื่นออกมาเล็กน้อยครับ ส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาพุงป่องช่วงล่าง สำหรับคนทีซีเรียสเรื่องรูปร่างมาก ๆ อาจจะรู้สึกว่าตัวเองหุ่นไม่เป๊ะในแบบที่ต้องการได้ครับ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชอบแต่งตัวสวย ๆ อวดรูปร่าง ชอบถ่ายรูป หรือชอบสวมบิกินีตอนไปเที่ยวบ่อย ๆ ซึ่งการผอมแต่มีพุงนั้น เกิดได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่ในเคสผู้หญิงจะเห็นได้ชัดเจนกว่าครับ

สาเหตุที่ทำให้เป็นคนผอมแต่มีพุง

• การกินของหวาน น้ำตาล ขนมต่าง ๆ บ่อย ๆ 
• การกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์
• การอยู่กับที่นาน ๆ ไม่ค่อยขยับร่างกาย
• การดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ไขมันสะสมที่หน้าท้องได้ง่าย
• การออกกำลังกายแบบผิด ๆ หรือเน้นคาร์ดิโอมากเกินไป
• การกินอาหารน้อยจนเกินไป จนทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปดึงพลังงานกล้ามเนื้อมาใช้แทน เลยทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายต่ำลง

จริง ๆ คุณเบลล์เป็นคนผอมแต่มีพุงมาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นแล้วครับ (ปัจจุบันอายุ 29 ปี) แต่เมื่อก่อนมันก็เป็น ๆ หาย ๆ หรือบางวันมีพุงบางวันไม่มีพุงแบบนี้ครับ พออายุเยอะขึ้นร่างกายมันก็ค่อย ๆ เผาผลาญน้อยลง ถึงจะมีการออกกำลังกายอยู่บ้าง แต่ปัญหาพุงหมาน้อยที่มีมันไม่ยอมหายไปสักทีครับ ซึ่งคุณเบลล์อยากหุ่นสวย ๆ แบบดาราอย่างคุณแพทตี้และคุณใหม่ดาวิกามาก (หน้าท้องแบนราบ เอวบาง มีเอว S) 

นอกจากปัญหาผอมแต่มีพุงแล้ว คุณเบลล์ยังมีปัญหาขาเบียดขาบานอีกด้วยครับ อย่างที่เราเห็นว่าร่างกายส่วนบนของคุณเบลล์ตัวเล็กมาก ๆ อยู่แล้ว แต่ช่วงล่างของร่างกายดูใหญ่ขึ้นมาอย่างชัดเจน (ทำให้รูปร่างดูไม่สมส่วนกัน) ซึ่งคุณเบลล์ก็อยากจะลดไขมันต้นขาออกไปด้วยในครั้งเดียวครับ

สำหรับเคสของคุณเบลล์นะครับ ผอมแต่มีพุงเพราะไขมันส่วนเกินก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งจะเป็นปัญหาเรื่องความกระชับของผิวครับ ตรงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หน้าท้องของคุณเบลล์ไม่เฟิร์มกระชับและดูลีน ทั้ง ๆ ที่ออกกำลังกายมาตลอด สำหรับเรื่องของไขมันหมอก็จะทำการดูดไขมันหน้าท้องและต้นขาออกไปด้วยเครื่อง Vaser Smooth 2.2 แล้วก็มีการแนะนำให้คุณเบลล์ทำ J Plasma เพื่อลดความหย่อนคล้อยของผิว และทำให้ผิวมันเฟิร์มขึ้นเร็ว ๆ อย่างที่ต้องการครับ

คนที่มีปัญหาผิวเดิมย้วยอยู่แล้ว พอดูดไขมันออกมาปัญหาผิวย้วยก็จะยังคงอยู่ และถ้ายิ่งดูดไขมันออกมามาก ๆ อย่างการดูดไขมันตรงต้นขาของคุณเบลล์ อาจจะทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยมากขึ้นกว่าเดิมได้ครับ ถ้าอยากให้ผิวเฟิร์มขึ้นแบบชัดเจนและในเวลาอันรวดเร็ว ก็ต้องพึ่งการทำกระชับนี่แหละครับ หรือสำหรับบางคนจะเลือกเป็นการเน้นสวมชุดกระชับส่วนกับการนวด RF ก็ได้นะครับ เพียงแต่จะใช้ระยะเวลาในการเข้าที่ที่นานกว่า

เครื่องดูดไขมัน Vaser Smooth 2.2

เครื่องดูดไขมันมีหลายเครื่องนะครับ แต่หมอจะเลือกใช้เครื่องดูดไขมันที่สลายไขมันได้ดีที่สุด เพื่อให้ระยะเวลาในการดูดไขมันเร็วขึ้น ซึ่งหมอก็เลือกใช้เครื่อง Vaser Smooth 2.2 ตัวนี้จะอยู่ในกลุ่มความร้อนนะครับ โดยใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ในการทำให้เกิดการสั่นและสร้างความร้อนขึ้นมา ความร้อนตัวนี้จะทำลายไขมันส่วนเกินให้เป็นน้ำมัน จากนั้นหมอก็จะดูดไขมันออกมาครับ 

นอกจากเครื่องเวเซอร์ หมอก็มีเครื่องดูดไขมันเครื่องอื่น ๆ ด้วยนะครับ โดยหมอจะพิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละเคสเท่านั้น เช่น เคสที่อยากเติมไขมันด้วย หมอก็จะแนะนำให้ใช้เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ Body-jet เป็นต้นครับ (บางคนอาจจะไม่รู้นะครับ ว่าเราสามารถเอาไขมันไปเติมส่วนอื่น ๆ ได้ ถ้าใช้ Body-jet เช่น ฉีดไขมันที่หน้า, เติมไขมันมือเด็ก, ฉีดไขมันสะโพก, เติมไขมันน้องสาว หรือเติมไขมันหน้าอก เป็นต้น)

เครื่องยกกระชับผิวไม่ย้วย J Plasma

จากการที่เคสนี้มีหน้าท้องย้วยเล็กน้อย และต้องการความเฟิร์มกระชับมาก หมอเลยเลือกใช้เป็นเครื่อง J Plasma (เจพลาสมา) ซึ่่งเครื่องนี้หมอจะเอาไว้ใช้ในการกระชับผิวโดยตรงนะครับ โดยใช้ควบคู่กับการดูดไขมัน ถ้าสมมติว่าเราใช้เจพลาสมายกกระชับเลย โดยที่ไม่เคลียร์ไขมัน หน้าท้องอาจจะดูไม่สวยงามได้ครับ ดังนั้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเราเลยต้องมีการดูดไขมันหน้าท้องออกไปก่อนนั่นเองครับ

J Plasma จะมีการใช้พลังงาน Helium Plasma (ก๊าซเฉื่อยที่มีความเย็น) ผสานกับ Radio Frequency (คลื่นความถี่วิทยุ) เพื่อทำอุณหภูมิความร้อนให้สูงถึง 85°C ส่งตรงเข้าไปตรงบริเวณที่ผิวไม่กระชับ จากนั้นผิวก็จะหดตัวกระชับขึ้นในทันที ในขณะเดียวกันจากที่ท่อพลังงานมีความร้อนสูง ๆ ก็จะเย็นลงเหลือ 41°C ในเวลาเสี้ยววินาทีครับ คนไข้ไม่ต้องกังวลเรื่องผิวไหม้ แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแผลด้วยครับ เพราะหมอจะใช้แผลเดียวกันกับแผลดูดไขมันเลย